fb


   


วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

มาปลูกมันสำปะหลังใช้ใบเลี้ยงจิ้งหรีดกันเถอะ


สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์มนครสวรรค์ : มาปลูกมันสำปะหลังลดต้นทุนเลี้ยงจิ้งหรีด


++ ขั้นตอนการคัดเลือกท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ++


1. คัดเลือกท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักดี ตาดอกถี่ อายุประมาณ 8-14 เดือนตัดทิ้งไว้ 7 วันก่อนการนำไปปลูกแต่ไม่ควรเกิน 20 วัน

2. ตัดท่อนพันธุ์แต่ละท่อนยาว 30 ซม.

3. เฉือนตาออกจากความสูงที่ 10 ซม. ออกให้หมดเพื่อไม่ให้เกิดการสร้างยอดใต้พื้นดิน

4. ควั่นท่อนพันธุ์ครึ่งรอบลำต้นบริเวณใต้ตาที่ได้ทำการเฉือนตาออกแล้ว จำนวน 2-10 ชั้นแต่ละชั้นห่างกันประมาณ 1-2 ซม.

5. นำท่อนพันธุ์ที่ควั่นเสร็จแล้วแช่ในน้ำสะอาดเพื่อรักษาความชื้นของรอยแผลก่อนการนำไปปลูก แต่ไม่ควรเกิน 6 ชั่วโมง

6. นำท่อนพันธุ์ที่ได้ ไปปลูกลงแปลง

------------------------------------------------------------------

แหล่งอ้างอิง 

นายสมนึก  อายุ : 65 ปี

ที่อยู่ : ตำบลหนองกรด อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์

ซุปเปอร์จิ้งหรีด : แหล่งรับซื้อจิ้งหรีด ภาคเหนือ และภาคกลาง

ซุปเปอร์จิ้งหรีด : แหล่งรับและขายซื้อจิ้งหรีดต้มและสด

ในเขตภาคเหนือ และภาคกลาง
 โดย สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม

ซุปเปอร์จิ้งหรีด : ราคารับซื้อจิ้งหรีดต้ม จิ้งหรีดสด วันนี้

ราคารับซื้อจิ้งหรีด ทางเราจะประกาศวันละ 3 ครั้ง

ช่วงที่ 1 เวลา 9.00 น. 11.00 น.
ช่วงที่ 2 เวลา 12.00 น. 13.00 น.
ช่วงที่ 3 เวลา 14.00 น. 15.00 น.

ราคาจิ้งหรีดทางเราอัพเดททุกวัน
หรือ สอบถามผ่านทางไลน์ ที่
ID Line : Blueblackip  

ซุปเปอร์จิ้งหรีด พารวย
จำหน่ายจิ้งหรีดและไข่จิ้งหรีด ราคาปลีก-ส่ง รับซื้อจิ้งหรีดและไข่จิ้งหรีด พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำทั้งในเรื่องการเลี้ยง และการตลาด ฟรี!!! เว็บไซต์ http://somjainukcricket.blogspot.com หรือ https://plus.google.com/app/basic/113649183269090531287
เงินลงทุนน้อย นับเงินหมื่นเงินแสนเงินล้าน ลงทุน45วัน นับเงินแล้ว รายได้เสริม ไม่รบกวนงานประจำ สนใจติดต่อ โทร. 0863552228 หรือ เข้าชมได้ที่เว็บไซต์ 

#ไข่จิ้งหรีดคุณภาพดีออกดี
#ไข่จิ้งหรีดออกแน่นอน
#ไข่จิ้งหรีดหนองเบน
#ไข่จิ้งหรีดทางไปกำแพงเพชร
#ไข่จิ้งหรีดนครสวรรค์
#ไข่จิ้งหรีดอำเภอเมืองนครสวรรค์
#ไข่จิ้งหรีดทางไปบรรพตพิสัย
#ไข่จิ้งหรีดทางไปลาดยาว
#ไข่จิ้งหรีดสด
#ไข่จิ้งหรีดซื้อมากราคาถูก
#ไข่จิ้งหรีดซื้อมากแถมมาก
#ไข่จิ้งหรีดซื้อเยอะแถมเยอะ
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงเพราะเราแถม
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพง
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาถูกเพราะเราแถม
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงได้ที่ซุปเปอร์จิ้งหรีด
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงได้ที่สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาถูกได้ที่ซุปเปอร์จิ้งหรีด
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาถูกได้ที่สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#รับซื้อไข่จิ้งหรีดจำนวนมาก
#รับซื้อไข่จิ้งหรีดจำนวนเยอะ
#รับซื้อจิ้งหรีดจำนวนเยอะ
#รับซื้อจิ้งหรีดจำนวนมาก
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีด
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดอ.เมืองนครสวรรค์
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดภาคเหนือ
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีด
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดอ.เมืองนครสวรรค์
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#อยากขายจิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากขายไข่จิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากขายจิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากขายไข่จิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากซื้อจิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากซื้อไข่จิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากซื้อจิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากซื้อไข่จิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์มนครสวรรค์ : เทคนิคการให้น้ำจิ้งหรีด เพื่อไม่ให้จิ้งหรีดตาย โอกาสตายน้อย 


เทคนิคการให้น้ำจิ้งหรีด เพื่อไม่ให้จิ้งหรีดตาย โอกาสตายน้อย 

วิธีให้น้ำจิ้งหรีดลดอัตราการตาย ช่วงยังเล็กพ่นน้ำบนผักที่เป็นอาหาร
-ใช้ทิชชู่ กระดาษลังหรือฟองน้ำชุบน้ำวางไว้ เมื่อเริ่มโตวางหินก้อนเล็กบนรางน้ำเป็นทางเดิน
การเลี้ยงจิ้งหรีดให้โตเร็วและให้ผลผลิตได้สูงนั้น ควรต้องดูแลและเอาใจใส่เป็นอย่างดี
 ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหาร การให้อาหารเสริม การให้น้ำทุกๆ 2 วัน ห้ามให้ขาด

ระยะแรก ( เพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดตกน้ำตาย )

1. ให้ฉีดน้ำหรือพ่นน้ำ ในพืชผักที่จะใช้เป็นอาหารของจิ้งหรีด
2. ใช้กระดาษทิชชู่ ฟองน้ำ หรือ ผ้าชุบน้ำ วางไว้ให้จิ้งหรีด


ระยะจิ้งหรีดเริ่มโต - โตเต็มที่ 

- ใช้จานพลาสติกแบนๆ หรือรางให้น้ำลูกไก่ ก็ได้ ใส่น้ำ แล้ววางก้อนหินเล็กๆไว้เป็นทางเดินสำหรับ
ให้จิ้งหรีดเกาะเป็นเทคนิคการให้น้ำจิ้งหรีดที่สามารถทำ ได้ง่ายและช่วยลดอัตราการตายของจิ้งหรีดได้ด้วย
ข้อมูลโดย : สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์มครสวรรค์ โทร 086-355-2228 

facebook : https://www.facebook.com/PSuperCricketman




วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557


รับซื้อจิ้งหรีดและประกันราคา เขตนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กำแพงเพชร

ซุปเปอร์จิ้งหรีด รับซื้อจิ้งหรีดและประกันราคาเขตนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กำแพงเพชร และภาคเหนือ

โดย สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม 
โทรติดต่อสอบถาม 086-355-2228

ซุปเปอร์จิ้งหรีด : ฟรีบริการส่ง ขายจิ้งหรีด เขตเทศบาลเมืองนครสวรรค์


ซุปเปอร์จิ้งหรีด : บริการส่งฟรี ขายจิ้งหรีดต้ม จิ้งหรีดสด ไข่พันธ์ุ
 เขตเทศบาลเมืองนครสวรรค์ และอำเภอใกล้เคียง

เราส่งฟรีในระยะทาง 5 - 15 กิโลเมตร


ซุปเปอร์จิ้งหรีด พารวย
จำหน่ายจิ้งหรีดและไข่จิ้งหรีด ราคาปลีก-ส่ง รับซื้อจิ้งหรีดและไข่จิ้งหรีด พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำทั้งในเรื่องการเลี้ยง และการตลาด ฟรี!!! เว็บไซต์ http://somjainukcricket.blogspot.com หรือ https://plus.google.com/app/basic/113649183269090531287
เงินลงทุนน้อย นับเงินหมื่นเงินแสนเงินล้าน ลงทุน45วัน นับเงินแล้ว รายได้เสริม ไม่รบกวนงานประจำ สนใจติดต่อ โทร. 0863552228 หรือ เข้าชมได้ที่เว็บไซต์ 

#ไข่จิ้งหรีดคุณภาพดีออกดี
#ไข่จิ้งหรีดออกแน่นอน
#ไข่จิ้งหรีดหนองเบน
#ไข่จิ้งหรีดทางไปกำแพงเพชร
#ไข่จิ้งหรีดนครสวรรค์
#ไข่จิ้งหรีดอำเภอเมืองนครสวรรค์
#ไข่จิ้งหรีดทางไปบรรพตพิสัย
#ไข่จิ้งหรีดทางไปลาดยาว
#ไข่จิ้งหรีดสด
#ไข่จิ้งหรีดซื้อมากราคาถูก
#ไข่จิ้งหรีดซื้อมากแถมมาก
#ไข่จิ้งหรีดซื้อเยอะแถมเยอะ
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงเพราะเราแถม
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพง
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาถูกเพราะเราแถม
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงได้ที่ซุปเปอร์จิ้งหรีด
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงได้ที่สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาถูกได้ที่ซุปเปอร์จิ้งหรีด
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาถูกได้ที่สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#รับซื้อไข่จิ้งหรีดจำนวนมาก
#รับซื้อไข่จิ้งหรีดจำนวนเยอะ
#รับซื้อจิ้งหรีดจำนวนเยอะ
#รับซื้อจิ้งหรีดจำนวนมาก
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีด
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดอ.เมืองนครสวรรค์
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดภาคเหนือ
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีด
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดอ.เมืองนครสวรรค์
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#อยากขายจิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากขายไข่จิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากขายจิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากขายไข่จิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากซื้อจิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากซื้อไข่จิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากซื้อจิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากซื้อไข่จิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ฟักทองมีประโยชน์อย่างไร ฟักทองช่วยสร้างคอลลาเจนด้วยนะ


ฟักทอง เป็นพืชผักที่บริโภคกันอย่างแพร่หลายทั้งในเอเชีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แอฟริกา และแถบแคริบเบียน ฟักทองมีสารอาหารบำรุงร่างกายมากมายที่สำคัญได้แก่ วิตามินบี วิตามินเอ วิตามินซี และธาตุฟอสฟอรัส ซึ่งปัจจุบันวงการแพทย์ได้ให้ความสนใจสารเบต้าแคโรทีน ที่มีอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทองซึ่งร่างกายเปลี่ยนให้เป็นวิตามินเอได้ ช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้




หากกินฟักทองทั้งเปลือกจะได้ฤทธิ์ทางยา สามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต นอกจากนี้ยังช่วยบำรุง ตับ ไต นัยน์ตา และสร้างสารใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป 

เมล็ดฟักทองแร่ธาตุฟอสฟอรัส สังกะสีสูง เหล็กรวมทั้งมีโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี สามารถป้องกันการเกิดนิ่ว และใช้เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืด นอกจากนี้ฟักทองยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล เหมาะสำหรับผู้หญิงหลังคลอดบุตร ที่ขาดธาตุฟอสฟอรัส และเสี่ยงกับการเกิดหน้าท้องลาย

ฟักทองย่อยง่ายและไม่ค่อยทำให้เกิดอาการแพ้ จึงเหมาะเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็ก จึงไม่ควรที่จะมองข้าม เห็นไหมว่าฟักทองเปี่ยมคุณค่าน่ารับประทานขนาดไหน

--------------------------- ^ ^ ---------------------------
ที่มา :
เอมอร ตรีภิญโญยศ.2550 . Detox ช่วยชีวิต กินล้างพิษ อายุยืน . บริษัท เอ็ดดูเคชั่น ไมน์ด ไลน์ มัลติมีเดีย จำกัด , กรุงเทพ

สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม : ปลูกฟักทองแบบเกษตรอินทรีย์เพื่อเลี้ยงจิ้งหรีด

++ การทำและใช้ปุ๋ยหมักบำรุงดินและต้นฟักทอง ++ 

ปุ๋ยหมัก : เป็นปุ๋ยที่ทำจากการหมักเศษพืชเป็นชั้นสูง 20 – 30 เซนติเมตร จากนั้นใส่มูลสัตว์เป็นชั้นสูง 5 – 10 เซนติเมตร แล้วพรมน้ำให้ความชื้น(ทดสอบปริมาณความชื้นที่เหมาะสมด้วยการกำเศษวัสดุให้แน่นแล้วมีน้ำไหลออกมาตามร่องนิ้วมือเล็กน้อย) ทำการกองเศษพืชและมูลสัตว์สลับกันจนได้ความสูงของกองปุ๋ยประมาณ 1 เมตรจากนั้นนำวัสดุ เช่น กระสอบทราย ทางมะพร้าวหรือฟางข้าว มาคลุมกองปุ๋ยเพื่อรักษาความชื้นไว้ในกองปุ๋ยนานๆ กลับกองปุ๋ยทุกๆ 3 – 4 อาทิตย์ต่อครั้ง หมักกองปุ๋ยนาน 3 เดือน ปุ๋ยที่หมักจะสุกหรือย่อยสลายตัวดีนำไปใช้เพาะปลูกฟักทองได้ ปุ๋ยหมักที่พร้อมใช้จะมีลักษณะเปื่อยยุ่ยมีสีน้ำตาลคล้ำหรือสีดำมีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นดิน ไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนมูลสัตว์ ในการทำปุ๋ยหมักควรใช้สารเร่ง พด.1 จากกรมพัฒนาที่ดินเพื่อช่วยในการย่อยสลายของซากพืช ปุ๋ยหมักจะใส่เป็นปุ๋ยรองพื้นอัตราที่แนะนำในการใส่แปลงฟักทองเฉลี่ย 3 – 6 ตันต่อไร่ ขึ้นอยู่กับสมบูรณ์ของสภาพดินที่ปลูก

ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากพืชผัก : จะเป็นน้ำหมักที่ทำจากการหมักเศษพืชและสัตว์ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ น้ำหมักชีวภาพที่ผลิตจากพืช เช่น ผักต่างๆ, ผลไม้,วัชพืชและสมุนไพร เป็นต้น ใช้อัตราส่วนเศษพืช 3 ส่วน กากน้ำตาล 1 ส่วน โดยนำวัสดุมาย่อยหรือสับให้เป็นชิ้นเล็กๆหรือบดให้ละเอียดคลุกเคล้ากับกากน้ำตาลให้เข้ากันในภาชนะ โดยใส่ให้เกือบเต็ม ปิดฝาเก็บไว้ในที่ร่มมีสภาพอากาศถ่ายเทดีหลังจากการหมักไปได้ 7 – 10 วัน ให้กรองเอาแต่ของเหลวมาผสมน้ำอัตราส่วน 1:200 หรือ 1:1,000ฉีดพ่นต้นพืชหรือราดลงดินบริเวณรากพืช

ปุ๋ยน้ำชีวภาพ : ที่ทำได้ง่ายๆ เช่น ผสมรำละเอียด 60 กิโลกรัม มูลไก่ 40 กิโลกรัม คลุกให้เข้ากัน จากนั้นใช้เชื้อ พด. 1 ( เชื้อเร่งการทำปุ๋ยหมัก ) 1 ซอง ต่อน้ำ 20 ลิตร คนให้เข้ากันนานประมาณ 15 – 20 นาที นำน้ำเชื้อ พด.1 ไปเทใส่กองปุ๋ยคลุกให้มีความชื้นมากพอ ( สังเกตความชื้นของกองปุ๋ยด้วยการกำวัสดุแล้วคลายมือออก ก้อนวัสดุยังไม่แตก) หลังจากนั้นกองวัสดุที่ผสมเข้ากันดีแล้วโดยใช้กระสอบป่านคลุม ทำการกลับกองปุ๋ยทุกวันเป็นเวลานาน 7 – 10 วัน เมื่อปุ๋ยหมักได้ที่แล้วแผ่กองปุ๋ยผึ่งให้แห้งเพื่อเก็บไว้ใช้ได้นาน วิธีการนำมาใช้ผสมปุ๋ยหมักชีวภาพแห้ง อัตรา 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 20 ลิตร แช่ไว้ในถังนานประมาณ 5 – 7 วัน คนให้ปุ๋ยย่อยสลายจะได้ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่เข้มข้น ปุ๋ยหมักชีวภาพแห้งอัตรา 1 กิโลกรัม ทำเป็นปุ๋ยน้ำได้ 400 – 800 ลิตร สามารถนำไปตักรดหรือปล่อยตามร่องให้กับแปลงปลูกฟักทองหรือผสมกับสมุนไพรในการป้องกันและกำจัดศัตรูฟักทองได้ทุกระยะของการเจริญเติบโต
ผศ.ดร.จานุลักษณ์ ขนบดี ย้ำว่าการใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตในการปลูกฟักทองนั้น จะต้องได้รับแร่ธาตุอาหารที่เพียงพออาจจะใช้ไม่ได้ผลกับพืชที่ปลูกในดินที่มีความอุดสมบูรณ์ต่ำ การราดน้ำปุ๋ยหมักชีวภาพลงในดินจะเป็นการเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ให้แก่ดินบริเวณรากพืชพร้อมกับเป็นการปรับความชื้นในดินบริเวณนั้นให้มีความเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ กิจกรรมต่างๆของจุลินทรีย์จะดำเนินไปอย่างรวดเร็วโดยใช้อาหารจากปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกหรือพืชสดและวัชพืชที่ใส่ลงในดิน สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศได้ และสร้างสารควบคุมการเจริญเติบโตให้แก่พืชได้อย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง

น้ำหมักชีวภาพที่ผลิตจากสัตว์ : ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย, หอยเชอรี่, เปลือกกุ้ง, กระดองปู, แมลงและเศษชิ้นส่วนของสัตว์ ให้ใช้อัตราส่วน 3 ส่วนต่อกากน้ำตาล 3 ส่วนโดยการนำสัตว์หรือชิ้นส่วนมาย่อยหรือสับให้เป็นชิ้นเล็กๆหรือบดให้ละเอียด คลุกเคล้ากับกากน้ำตาลให้เข้ากันในภาชนะ และควรจะเติมน้ำหมักชีวภาพหรือน้ำหมักจุลินทรีย์หรือน้ำมะพร้าวหรือหัวเชื้อจุลินทรีย์ละลายลงๆไป 1 ส่วน ปิดฝาและนำไปเก็บในที่ร่มมีอากาศถ่ายเทดีสำหรับการหมักปุ๋ยชีวภาพจากสัตว์จะไม่ปิดฝาและกวนวันละหลายๆครั้งหลังจากการหมักไปแล้ว 1 เดือนหรือจนกว่าวัสดุที่ใช้หมักจะย่อยสลายดีแล้วทำการกรองเอาแต่ของเหลวมาใช้กับพืชเช่นเดียวกับน้ำหมักชีวภาพจากพืช
นอกจากนี้ยังมีการลดต้นทุนในการใส่ปุ๋ยหมักด้วยการปลูกพืชหมุนเวียนตระกูลถั่วเพื่อเป็นปุ๋ยพืชสด ได้แก่ ปอเทือง โสนอิเดียและโสนแอฟริกัน เป็นต้น พืชตระกูลถั่วเหล่านี้จะมีระบบรากซึ่งมีแบคทีเรียอาศัยอยู่และสามารถเปลี่ยนไนโตรเจนจากอากาศให้เป็นปุ๋ยที่พืชสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในการปลูกพืชเพื่อทำเป็นปุ๋ยพืชสด แนะนำให้หว่านเมล็ดพืชตระกูลถั่วดังกล่าวในอัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านในช่วงต้นฤดูฝน(เดือนพฤษภาคม – มิถุนายน )หลังจากหว่านเมล็ดไปได้ 2 เดือนเศษ พืชตระกูลถั่วจะเริ่มมีดอกบานร้อยละ 50 ให้ทำการไถกลบเพื่อหมักเป็นปุ๋ย ในการย่อยสลายของซากพืชจะใช้ระยะเวลา 3 – 4 อาทิตย์รวมระยะเวลาที่จะต้องใช้พื้นที่นาน 3 เดือน จึงสามารถปลูกฟักทองได้

การตัดแต่งและไว้ตำแหน่งผลของฟักทอง : การตัดแต่งจะทำหลังจากย้ายต้นกล้าฟักทองลงปลูกในแปลง 10 - 15 วัน เมื่อถึงระยะมีใบที่ 5 ให้เด็ดยอดทิ้งหลังจากนั้นภายใน 2 อาทิตย์ จะมีเถาแขนงแตกออกจากมุมใบ 3 – 4 เถา ให้ติดผลแขนงเถาที่ 5 ถึง 7 จำนวน 4 – 5 ผล ให้ติผลในข้อที่มากกว่า เมื่อผลมีขนาดเท่ากับลูกมะนาว ให้คัดเลือกผลที่สมบูรณ์เหลือเพียง 3 – 4 ผลต่อต้น หลังจากนั้นให้ทำการห่อผลเพื่อป้องกันแมลงวันทอง ปล่อยให้แขนงแตกโดยธรรมชาติและทำการปลิดผลออกในส่วนปลายเถาออกทิ้งเป็นระยะๆในการตัดแต่งควรจะทำในช่วงเวลาเช้าเพื่อให้บาดแผลแห้งภายในวันนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าทำลายโดยเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่พืชทางบาดแผล และอาจพ่นสารเคมีป้องกันโรคพืชตามความเหมาะสม นอกจากนี้วันที่ตัดแต่งถ้าเป็นไปได้เป็นวันที่แสงแดดตลอดวันจะยิ่งดี

การเก็บเกี่ยวผลผลิตฟักทอง : หลังจากที่มีการย้ายต้นกล้าฟักทองลงปลูกในแปลงนาน 80 – 100 วันหรือหลังจากดอกบาน 40 – 60 วัน ผลฟักทองจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจัดและมีนวลสีขาวที่ผล เถาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม การผลิตฟักทองสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตแบบผลอ่อนหรือผลแก่ตามความต้องการของตลาด ทำการเก็บเกี่ยว 2 – 3 ครั้ง ช่วงระยะของการเก็บเกี่ยว 15 – 20 วัน ผลผลิตฟักทองเฉลี่ย 3 – 6 ตันต่อไร่
โรคและแมลงศัตรูของฟักทอง: โรคและแมลงศัตรูฟักทอง จากการสำรวจพบว่าแมลงศัตรูฟักทองที่สำคัญจะมีประมาณ 8 ชนิดในกลุ่มแมลงปากดูด ได้แก่ เพลี้ยไฟ, เพลี้ยอ่อนแตงและแมลงหวี่ขาว เป็นต้น กลุ่มแมลงปีกแข็ง ได้แก่ ด้วงเต่าแตงสีแดงและด้วงเต่าแตงสีดำ ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือแมลงวัน ได้แก่ หนอนแมลงวันแตง,หนอนชอนใบและหนอนแดง เป็นต้น

ช่วงที่มีการระบาดแมลงสัตรูฟักทองที่รุนแรง คือ ช่วงเปลี่ยนฤดูหนาวเป็นฤดูร้อน ระหว่างเดือนมกราคม – เมษายนวิธีการป้องกันโดยวิธีเขตกรรม คือ ปลูกพืชต่างตระกูลเพื่อลดจำนวนแมลงศัตรูพืช ส่วนการฉีดพ่นสมุนไพรควรพิจารณาตามความจำเป็นและการใช้สมุนไพรจะต้องฉีดพ่นในช่วงตอนเย็นจะได้ผลดีที่สุดโดยเฉพาะสมุนไพรในกลุ่มสะเดาจะใช้ได้ ป้องกันและกำจัดแมลงในวงกว้าง

โรคที่มักพบในการระบาดมากในการปลูกฟักทอง คือ โรคราน้ำค้างมักพบอาการใบแก่มีแผลสีเหลืองกระจายอยู่ทั่วไป รูปร่างแผลมีเหลี่ยมมุม เมื่อพลิกดูแผลที่ด้านหลังใบมักจะพบอาการมีผงสีขาวเกาะอยู่บนใบแก่คล้ายมีคนเอาผงแป้งมาโรยไว้ ต่อมาเนื้อใบจะเริ่มเหลืองและแห้งตาย โรคราน้ำค้างมักจะพบในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่มีอากาศเย็น

**เกษตรที่เสร็จสิ้นการทำนาปีแล้วนิยมปลูกผักหลังการทำนาเพื่อเป็นรายได้เสริม ฟักทอง พืชที่มีความเหมาะสมในการปลูกช่วงหลังทำนาคือ ราว กุมภาพันธ์ – มีนาคม เนื่องจากฟักทองเจริญเติบโตได้ดีในช่วงเดือน พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ หากพื้นที่เป็นที่ดอนแล้วเลือกปลูกได้ในช่วงฤดูฝนจะทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาสูงขึ้น เกษตรกรจะประสบความสำเร็จในการผลิตฟักทองให้ได้คุณภาพจึงต้องศึกษาถึงลักษณะนิสัยของพืชชนิดนี้ ตั้งแต่การปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวการเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมการเตรียมดินก่อนปลูก การให้น้ำ – ปุ๋ย ตลอดจนปัญหาของโรค – แมลงศัตรู เพื่อจะได้หาวิธีป้องกันกำจัด และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

------------------------------------ ^ ^ --------------------------------------
ที่มา :
ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร.การผลิตฟักทองแบบปลอดภัย วารสารเส้นทางกสิกรรม ฉบับที่ 163 เดือนมีนาคม.2552.พิจิตร

สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม : มาปลูกฟักทองปลอดสารพิษเพื่อเลี้ยงจิ้งหรีด

สำหรับบ้านเราพบว่าฟักทองที่ปลูกเพื่อการบริโภคนั้น ลักษณะของพันธุ์จะมีเปลือกสีเขียวคล้ำร่องผลเป็นพูสม่ำเสมอหรือเปลือกขรุขระแบบหนังคางคก ผลที่แก่จัดขึ้นนวลสีขาวตั้งแต่ขั้วไปทั้งผลและนิยมปลูกพันธุ์ผลใหญ่มีน้ำหนักมากกว่า 4 – 5 กิโลกรัมหรือผลเกมีน้ำหนักผลระหว่าง 2 - 3 กิโลกรัมในปัจจุบันพันธุ์ฟักทองทางการค้าที่เกษตรกรไทยนิยมปลูกจะใช้พันธุ์ลูกผสมเนื่องจากให้ผลผลิตสูงและมีเปลือกแบบหนังคางคกหรือลายข้าวตอก

++ ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของฟักทอง ++ ฟักทองจัดเป็นพืชที่ผสมข้ามตามธรรมชาติโดยอาศัยลมและแมลง ดอกแยกเพศผู้และเพศเมียตามธรรมชาติ เป็นพืชล้มลุกปีเดียว ลำต้นเป็นแถวเลื้อยยาว 3 – 6 เมตร ที่ข้อปลายหนวดแยก 3 – 4 แฉก ลำต้นอ่อนมักเป็น 5 เหลี่ยมหรือกลม ใบมีขนคายมืออยู่ทั่วไป เนื้อใบจะนิ่ม มีรูปร่าง 5 – 7 เหลี่ยมหรือรูปร่างเกือบกลม ริมใบมีหยักเว้าลึก 5 – 7 หยัก ส่วนของใบมีความกว้าง 10 – 20 เซนติเมตร ความยาวของใบ 15 – 30 เซนติเมตร ลักษณะของผลมีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันตามสายพันธุ์ ซึ่งจะมีรูปร่างตั้งแต่กลมไปจนถึงค่อนข้างแบน ผิวผลมักเป็นตุ่มนูนและหยักเป็นร่อง เนื้อในผลมีสีเหลืองจนถึงสีเหลืองอมส้ม
  การช่วยผสมเกสรฟักทอง ++ จากที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่าฟักทองเป็นพืชผักที่ดอกแยกเพศคือเพศเมียและเพศผู้อยู่ภายในต้นเดียวกัน ดอกเพศเมียจะเป็นดอกเดี่ยวที่เกิดบริเวณมุมใบ มีกลีบเลี้ยงสีเขียว กลีบดอกมีสีเหลือง 5 กลีบ รังไข่มีลักษณะกลมยาว 2 – 5 เซนติเมตร มีลักษณะเหมือนผลฟักทองขนาดเล็ก ส่วนของยอดเกสรเพศเมียมี 2 – 5 แฉก การเจริญเติบโตในระยะแรกการแสดงดอกของฟักทองจะแสดงดอกเพศผู้ ส่วนดอกเพศเมียจะมีตั้งแต่ข้อที่ 12 – 15 ดอกที่เกิดปลายเถาและเถาแขนงมักเป็นดอกเพศเมีย สำหรับเกษตรกรที่ปลูกฟักทองในเชิงพาณิชย์,ปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริมหรือปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือนมีความจำเป็น จะต้องผสมเกสรและมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องดอกของฟักทอง

** ดอกเพศเมียและเพศผู้จะบานในตอนเช้าจะบานในช่วงเวลา 3.30 – 6.00 น. อับเรณูจะแตกระหว่างเวลา 21.00 – 3.00 น. ละอองเรณูจะมีชีวิตอยู่ได้ 16 ชั่วโมง หลังอับเรณูแตกยอดเกสรเพศเมียพร้อมรับการผสมเกสรก่อนดอกบาน 2 ชั่วโมง และหลังดอกบาน 10 ชั่วโมง ดังนั้นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมในการผสมเกสร คือตั้งแต่เวลา 6.00 – 9.00 น. 

++ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกฟักทอง ++ต้นฟักทองจะเจริญเติบโตได้ผลดีที่อุณหภูมิระหว่าง 18 – 27 องศาเซลเซียส จัดเป็นพืชผักที่ไม่ทนต่อความหนาวเย็นจัด อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ดเฉลี่ยอยู่ที่ 25 – 30 องศาเซลเซียส พบว่าต้นฟักทองจะชะงักการเติบโตในสภาพอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส สภาพแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการแสดงเพศของดอก สรุปได้ว่าถ้าอุณหภูมิ ต่ำและช่วงแสงวันสั้นที่มีช่วงแสงน้อยกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน ( เช่น ฤดูหนาว )มีอิทธิพลทำให้ดอกเพศเมียแสดงได้เร็วและมีจำนวนมาก แต่ถ้าสภาพอุณหภูมิสูงและช่วงแสงวันยาวคือมีช่วงแสงมากกว่า 12 ชั่วโมง ( เช่น ฤดูร้อนและฤดูฝน) มีอิทธิพลทำให้ดอกเพศผู้จำนวนมากและดอกเพศเมียน้อย

**ดังนั้นการปลูกฟักทองในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝนคือปลูกระหว่างเดือนมีนาคม – มิถุนายน ( กลางวันยาวกว่ากลางคืน ) จะพบดอกเพศผู้เป็นจำนวนมาก ดอกเพศเมียน้อยมีผลทำให้การติดผลต่ำกว่าการปลูกฟักทองปลายฤดูฝนถึงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนสิงหาคม – ธันวาคม มักพบว่าการแสดงของดอกเพศเมียเกิดเร็ว ในบริเวณข้อที่ตำกว่าข้อที่ 10 และมีดอกเพศเมียดก มีผลทำให้การติดผลดีและให้ผลผลิตสูง
++ การปลูกฟักทอง ++ 

สภาพพื้นที่และฤดูที่เหมาะสม : ต่อการปลูกฟักทองฟักทองจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินที่มีค่า pH = 5.5 – 6.8 จัดเป็นพืชผักที่ทนดินสภาพกรดได้ระดับปานกลาง และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี โดยปกติแล้วฤดูกาลผลิตฟักทองที่เหมาะสมจะปลูกในช่วงเดือนกรกฎาคม – มกราคม จะปลูกหลังจากที่ต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีใบจริงจำนวน 1 ใบ หรือเมื่ออายุต้นกล้ามีอายุได้ 9 – 12 วัน ให้ทำการย้ายปลูก ถ้ามีแหล่น้ำที่ดีหรือปลูกในช่วงฤดูฝน อาจจะปลูกโดยการหยอดเมล็ดได้โดยตรง ต้นฟักทองจะเริ่มออกดอกหลังจากย้ายปลูกไปประมาณ 40 – 50 วัน มีช่วงเวลาในการผสมเกสร 10 – 15 วัน หลังจากผสมเกสร 40 – 50 วันจึงเริ่มเก็บเกี่ยวผลแก่และมีช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยว 15 – 20 วัน ใช้เวลาตลอดฤดูกาลผลิตฟักทองในแต่ละรุ่น 100 – 120 วัน

การเตรียมเมล็ดพันธุ์ : ปลูกฟักทองในเนื้อที่ 1 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 100 – 150 กรัม ในการปลูกฟักทองในพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 500 – 600 เมล็ด หรือเมื่อชั่งเป็นน้ำหนักประมาณ 100 – 150 กรัม ในการเพาะเมล็ดเพื่อปลูกในแต่ละรุ่นนั้น เกษตรกรจะต้องเพาะต้นกล้า เผื่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเพาะกล้าหรือหลังย้ายกล้าปลูกได้อย่างน้อย 20 – 30 %

การเพาะเมล็ด : วัสดุที่ใช้ในการเพาะเมล็ดฟักทองนั้นแนะนำให้ใช้ส่วนผสมของ ดิน : ปุ๋ยหมัก : ขุยมะพร้าว = 1 : 1 : 1 โดยดินและปุ๋ยหมักเป็นแหล่งธาตุอาหารต่างๆ สำหรับการเจริญเติบโตของพืช ส่วนขุยมะพร้าวจะทำให้ก้อนวัสดุเพาะรวมตัวกันเป็นก้อนไม่แตกในขณะที่ย้ายปลูก เมล็ดฟักทองที่จะนำมาเพาะควรทำการบ่มด้วยการนำเมล็ดพันธุ์ใส่ถุงพลาสติกที่เจาะรูให้น้ำเข้าได้ นำไปแช่ในน้ำที่สะอาดนาน 4 ชั่วโมงน้ำจะช่วยให้เมล็ดฟักทองเริ่มงอก นำถุงที่บรรจุเมล็ดพันธุ์ที่อวบน้ำมาห่อด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ แล้วบรรจุลงในถุงพลาสติกรัดปากถุงให้แน่น ทำการบ่มในสภาพอุณหภูมิปกตินาน 12 – 24 ชั่วโมง จะพบว่ารากเริ่มงอกยาว 0.5 เซนติเมตร จึงนำไปเพาะต่อไป สำหรับการบ่มเมล็ดฟักทองในช่วงฤดูหนาวควรจะให้ความอบอุ่นแก่เมล็ดพันธุ์โดยการบ่มในกล่องกระดาษที่ใช้หลอดไฟฟ้า อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ดพันธุ์อยู่ระหว่าง 25 – 30 องศาเซลเซียส

ในการหยอดเมล็ดพันธุ์ในถุงชำดำให้ฝังเมล็ดไปในทิศทางของการงอกของราก ปลูกให้เมล็ดพันธุ์มีความลึกอย่างน้อย 2 เท่าของความยาวเมล็ดพันธุ์กลบเมล็ดพันธุ์ด้วยวัสดุเพาะต้นกล้าและรดน้ำให้ชุ่ม ในเวลาประมาณ 5 วันหลังจากยอดเมล็ดพันธุ์ลงถุงเมล็ดพันธุ์จะงอกและต้นกล้าจะโผล่พ้นดินเกษตรกรจะต้องให้น้ำต้นทุกวันวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น จากนั้นงดการให้น้ำก่อนปลูก 3 วัน โดยให้น้ำต้นกล้าเพียง 1 ครั้งในตอนเช้าก่อนปลูกเพื่อให้ระบบรากเริ่มปรับตัวต่อการทนการขาดน้ำเมื่อมีการย้ายปลูก เกษตรกรควรปลูกต้นฟักทองระหว่างเวลา 14.00 – 18.00 น. หลังจากที่ย้ายปลูกไปได้ 5 – 7 วัน ให้ทำการปลูกซ่อมแซมต้นกล้าที่ตายไปหรือต้นที่มีการตั้งตัวไม่แข็งแรง
การเตรียมพื้นที่ปลูกฟักทองแบบปลอดภัย : ในการเตรียมพื้นที่ปลูกฟักทองเกษตรกรจะต้องทราบสภาพความเป็นกรด – ด่างของดิน เมื่อสำรวจพบว่าดินมีค่าความเป็นกรดสูงหรือมีค่า pH ต่ำกว่า 5.5 จะต้องใส่ปูนขาว, หินปูนหรือปูนโดโลไมท์ อัตรา 100 – 200 กิโลกรัมต่อไร่(การใส่ปูนขาวควรใส่ก่อนที่จะลงมือปลุกอย่างน้อย 1 อาทิตย์) หลังจากนั้นให้ไถพรวนผสมคลุกเคล้าให้ปูนผสมกับดินและตากดินทิ้งไว้ ในการเตรียมดินเพื่อปลูกฟักทองในแต่ละรุ่นจะต้องเริ่มต้นจาการไถพรวนตากดินให้มีความลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร ปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อให้วัชพืชตาย

** นอกจากนี้การใช้ปุ๋ยหมักเพื่อการปรับปรุงดินเพื่อเพิ่มผลผลิตของฟักทอง การใช้ปุ๋ยหมักอย่างต่อเนื่องจะมีผลดีต่อการปรับปรุงคุณภาพของดิน อัตราการใช้ปุ๋ยหมักขึ้นอยู่กับประเภทของดินที่ใช้ปลูกฟักทอง สำหรับดินทรายหรือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก อัตราการใส่ปุ๋ยหมักจะสูง ส่วนดินเหนียวในภาคกลางหรือดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางทางภาคเหนือ จะใช้อัตราปุ๋ยหมักที่ต่ำกว่า ดังนั้นในขณะที่เตรียมพื้นที่ปลูกฟักทอง อัตราการปุ๋ยหมักในแปลงจะใช้อัตราปุ๋ยหมักเฉลี่ย 1 – 3 ตันต่อไร่ หว่านให้กระจายทั่วแปลงปลูกแล้วคลุกเคล้ากับดินหรือไถกลบเป็นแถวลงไปในดิน 

ระยะปลูกฟักทองที่เหมาะสม : ควรจะใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 1 เมตร ระยะระหว่างแถว 4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่จะปลูกได้ 400 ต้นต่อไร่ ในการเตรียมพื้นที่ด้วยการปักหลักไม้ทุกระยะ 1เมตร และ 4 เมตร ไปตามแนวของพื้นที่ปลูก ทำการเปิดร่องใส่ปุ๋ยตามแนวหลักไม้ที่ปักไว้ เปิดร่องให้ลึก 30 เซนติเมตร จากนั้นใส่ปุ๋ยหมักรองพื้นอัตรา 2 ตันต่อ 1 ไร่และใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 16 – 16 – 16 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ จากนั้นทำการเปิดร่องน้ำและกลบปุ๋ยรองพื้นได้แปลงที่มีความกว้าง 4.5 เมตรร่องน้ำกว้าง 50 เซนติเมตร ปลูกต้นฟักทองให้ห่างจากขอบแปลง 25 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร ระยะระหว่างแถว 4 เมตร ปลูก 2 แถว เลื้อยเข้าหากันจำนวน 1 ต้นต่อหลุมยกแปลงให้สูง 30 เซนติเมตร เพื่อให้การระบายน้ำได้ผลดี ทำการคลุมพลาสติกกว้าง 1.5 เมตรหรือใช้ฟางข้างเป็นแถวยาวในแนวที่ย้ายปลูกเพื่อป้องกันการงอกของวัชพืชในระยะที่เถายาว 1.5 เมตร

การใส่ปุ๋ยแต่งหน้าและการกำจัดวัชพืช : หลังจากที่ย้ายต้นฟักทองลงปลูกในแปลง10 หรือ 20 วัน แนะนำให้ใส่ปุ๋ยแต่งหน้าโดยใช้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 16 – 16 – 16 ในอัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ต่อครั้ง ในการใส่ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 1 ใส่โดยพรวนดินรอบโคนต้นและกลบปุ๋ย การใส่ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 2 ใส่โดยการไถพรวนเปิดร่องในแนวปลูกด้านในทั้งสองด้านทำการไถให้ห่างจากโคนต้น 20 เซนติเมตร จากนั้นใส่ปุ๋ยแต่งหน้าไปตามร่องแล้วกลบร่องใส่ปุ๋ย ทำการกำจัดวัชพืชพร้อมการจัดเถาให้เข้าสู่กลางแปลงโดยเลื้อยเข้าหากัน
การเตรียมพื้นที่ปลูกฟักทอง : ฟักทองเป็นพืชที่มีลำต้นทอดเลื้อยไปตามพื้น เช่นเดียวกับแตงโม เป็นไม้เถาอ่อน มีขนสากมือ มีหนวด สำหรับเกี่ยวพันทอดไปตามพื้นดินจึงต้องการเนื้อที่ปลูกมากกว่าพืชผักอื่นๆเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ มีอายุปีเดียว (ฤดูเดียว)เมื่อให้ผลแล้วก็ตายไป ฟักทองจัดเป็นพืชที่มีรากลึก การเตรียมการปลูกจึงต้องไถดินให้ลึกประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร ตากดินไว้ 5 – 7 วัน ในการเตรียมแปลงปลูกควรมีการตรวจวัดความเป็นกรด – ด่างของดินให้มีค่า pH 6.0 – 6.8 หากดินมีสภาพเป็นกรดควรปรับสภาพโดยใช้ปูนขาวหรือโดโลไมท์ ใส่ระหว่างการเตรียมแปลงปลูก การใช้โดโลไมท์ในการปรับปรุงสภาพดินจะช่วยลดการเกิดโรครากเน่าโคนเน่าได้ในระดับหนึ่ง ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วโดยพิจารณาการใส่ตามความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทั้งนี้หากเกษตรกรนำดินส่งวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในดินสามารถที่จะทราบปริมาณธาตุอาหารและอินทรีย์วัตถุในดินและควรจะเพิ่มเติมเท่าไรเพื่อให้ฟักทองเจริญเติบโตได้ดี

หลักการเลือกรูปแบบการปลูกฟักทอง : การเลือกเตรียมแปลงปลูกฟักทองสามารถเลือกปลุกได้หลายรูปแบบ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของงพื้นที่ปลูกเป็นส่วนสำคัญมาก วิธีแรก หากมีพื้นที่ปลูกเพียงเล็กน้อย สามารถปลูกระยะ 1.5X1.5 เมตร วิธีนี้เมื่อฟักทองโตขึ้นจะทำให้ลำบากต่อการจัดการ เนื่องจากเถาจะกระจายเต็มพื้นที่ แต่มีข้อดีคือจะได้ผลผลิตต่อพื้นที่มากขึ้น วิธีที่สอง การปลูกแถวเดี่ยวทำแปลงแถวเดี่ยวความกว้างของแปลง 1.8 – 2 เมตร ระยะปลูกระหว่างต้น 1.5 เมตร เมื่อปลูกฟักทองสามารถจัดเถาฟักทองให้เลื้อยไปในแนวแปลงปลูกทำให้ง่ายกว่าการจัดการมากกว่าวิธีแรก วิธีที่สาม การปลูกแบบแถวคู่ ยกร่องแปลงเป็นสองด้านระยะ 3.5 – 5 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร เช่นเดียวกับวิธีที่หนึ่งและสอง วิธีนี้สามารถจัดเถาฟักทองให้เลื้อยจรดกันสองด้านพอดี และมีร่องทางเดินทำให้ทำงานได้สะดวกมากขึ้น
การปลูกโดยหยอดเมล็ดโดยตรงหรือเพาะกล้าพิจารณาจากต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ : การเลือกเมล็ดพันธุ์ฟักทองที่ใช้ปลูกกันโดยทั่วไปมี 2 แบบ คือ เมล็ดพันธุ์แบบผสมเปิด ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเก็บไว้ขยายพันธุ์ต่อได้เอง ปัจจุบันเมล็ดพันธุ์แบบผสมเปิดหาได้น้อยมาก เนื่องจากเมล็ดเมล็ดพันธุ์ที่เกษตรกรซื้อมาปลูกจะเลือกผลิตเมล็ดพันธุ์แบบลูกผสม มีลักษณะเด่นในการให้ผลผลิตสูง ขนาดของต้น ผลและการเจริญเติบโตดี แต่มีข้อเสียที่ไม่สามารถนำเมล็ดไปปลูกต่อได้ และเกษตรต้องเสียค่าใช้จ่ายกับเมล็ดพันธุ์ฟักทองในราคาแพงมาก ดังนั้นการพิจารณาถึงวิธีการปลูกเพื่อลดต้นทุนในส่วนนี้ โดยมีวิธีการเลือกปลูกได้ 2 แบบ ได้แก่

1. การปลูกแบบหยอดเมล็ด ก่อนปลูกขุดหลุมปลูก รองก้นด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว หยอดเมล็ด 3 – 5 เมล็ด กลบด้วยดินผสมละเอียดหรือปุ๋ยคอกก็ได้ ลึก 2.5 – 5 เซนติเมตร คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง รดน้ำให้ชุ่มประมาณ 3- 5 วันต้นกล้าจะงอกพ้นจากดิน เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2 – 3 ใบ ควรทำการถอนเอาต้นที่อ่อนแอทิ้ง เหลือต้นที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ 1 ต้น/หลุม

2. การปลูกโดยการเพาะกล้านำเมล็ดฟักทองห่อผ้าขาวบาง จุ่มน้ำไหล 15 – 30 นาทีนำเมล็ดไปบ่มไว้ในกล่องพลาสติกใส 3 – 5 วัน เมล็ดจะแตกรากออกมาเล็กน้อย นำไหเพาะในถาดเพาะกล้าที่ใส่วัสดุเพาะกล้า (เช่น มีเดีย) รดน้ำ 10 – 13 วันหรือฟักทองมีใบจริง 1 – 2 ใบจึงย้ายปลูก


การให้ปุ๋ยฟักทอง : ก่อนทำการการหยอดเมล็ดหรือนำกล้าลงปลูกควรหยอดปุ๋ยสูตร 19 -19 – 19 อัตรา 5 กรัม / หลุม หยอดสารป้องกันแมลงจากการทดลองของแผนกฟาร์มชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรโดย ใช้สตาร์เกิลจีหยอดก้นหลุมอัตรา 2 กรัม / หลุม พบว่าระยะต้นกล้าของฟักทอง คือช่วงที่ต้นสูงระหว่าง 20 – 30 เซนติเมตรฟักทองไม่ถูกทำลายจากแมลงปากดูด และสามารถกำจัดด้วงเต่าแตงที่มาทำลายใบได้ดีมาก

นอกจากนี้ยังได้ให้ปุ๋ยต้นฟักทองในระยะกล้าที่มีใบจริง 3 – 4 ใบ โดยการนำปุ๋ยเคมีสูตร 46 – 0 – 0 อัตรา 800 กรัม+แคลเซียมไนเตรท อัตรา 100 กรัม+ ไฮมิค อัตรา 300 ซีซี+ป้องกันกำจัดเชื้อรา เมทาแลกซิล อัตรา 300 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร ราดโคนต้น อัตรา 300 ซีซี / ต้น จะช่วยให้ต้นฟักทองในระยะกล้าแข็งแรงต้นกล้าที่ใบเหลืองไม่สมบูรณ์ฟื้นต้นได้ดีขึ้น

การให้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายปุ๋ยได้ หัวใจสำคัญของการเจริญเติบโตของฟักทองคือการให้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีการให้น้อยๆแต่บ่อยครั้ง เนื่องจากการให้ปุ๋ยเกินความต้องการของฟักทองจะทำให้ปุ๋ยที่นำไปใช้เพียงเล็กน้อย ส่วนที่เหลือจะระเหยไปกับอากาศและไหลไปไกลกว่าระดับรากของฟักทอง ดังนั้นการให้ปุ๋ยเหมาะสมกับช่วงของการเจริญเติบโตจะช่วยให้ฟักทองเจริญเติบโตได้ดีขึ้น การให้ปุ๋ยควรหยอดปุ๋ยสูตรเสมอรองก้นก่อนปลูก เช่น 19-19-19อัตรา 5 กรัม/ หลุม เพื่อให้เพิ่มปริมาณธาตุอาหารแก่ฟักทองในระยะกล้า เมื่ออายุ 10 – 14 วัน ใส่ปุ๋ยตัวหน้าสูง เช่น 46-0-0 , 15-0- –0 อัตรา 10-15 กิโลกรัม / ไร่ เมื่อฟักทองอายุได้ 20-25 และ 30วัน ควรให้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 โดยแบ่งใส่ 2 ครั้งๆละ 25-35 กิโลกรัม / ไร่

เทคนิคการช่วยผสมเกสร : ฟักทองจะมีดอกสีเหลืองทั้งตัวผู้และตัวเมียจะแยกกัน แต่อยู่ในต้นเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องการช่วยผสมเกสรโดยวิธีธรรมชาติ เช่น ลมพัดหรือแมลงช่วยผสมเกสร หรือให้ผู้ปลูกช่วยผสมเกสรเพื่อการติดผลที่ดี เมื่อดอกฟักทองกำลังบานให้เลือกดอกตัวผู้ เด็ดมาแล้วปลิดกลีบดอกออกให้หมด นำไปเคาะละอองเกสรตัวผู้ให้ตกลงบนดอกตัวเมีย ถ้าติดผลก็จะให้ผลอ่อน ถ้าไม่ติดผลดอกตัวเมียจะฝ่อไป ดอกฟักทองจะบานแค่ 1วัน ในช่วงเช้ามืด เมื่อถึงเวลา 9.00 น.เป็นต้นไปก็เริ่มหุบหากจะผสมเกสรควรเริ่มผสมในช่วงเช้าๆเพราะเมื่อบ่ายดอกฟักทองจะเริ่มเหี่ยวแล้วจะเฉาตายในวันรุ่งขึ้นดอกก็จะเฉาตายไป

การให้น้ำฟักทอง : ฟักทองเป็นพืชที่มีระบบรากลึก การให้น้ำจึงต้องให้น้ำซึมลงใต้ดินประมาณ 25 – 40 เซนติเมตร แต่ไม่ควรให้แปลงแฉะ จะทำให้เกิดรากเน่าโคนเน่าได้ การเลือกรูปแบบการให้น้ำแก่ฟักทองควรพิจารณาถึงสภาพพื้นที่ หากพื้นที่ปลูกฟักทองอยู่ใกล้ระบบชลประทานหรือมีคลองส่งน้ำที่ดี สามารถเลือกการให้น้ำแบบปล่อยเข้าร่องแปลง พื้นที่ที่มีน้ำเป็นคลองหรือสระน้ำที่มีน้ำจำกัดสามารถให้น้ำแบบสายยางรด หรือให้น้ำแบบน้ำหยด (เป็นวิธีที่มีการทำแปลงด้วยพลาสติกคลุมแปลง)แต่การให้น้ำแบบพ่นฝอยเป็นวิธีที่ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากการให้น้ำแบบพ่นฝอยทำให้ฟักทองเกิดโรคทางใบได้เร็วมากขึ้น
โรคและแมลงศัตรูที่ทำความเสียหายแก่ฟักทอง : ปัญหาของการเกิดโรคในฟักทองเป็นสิ่งที่ไม่สร้างความลำบากใจให้เกษตรกรมากนัก หากมีการจัดการระบบการปลูกที่ดี โรคต่างๆก็ไม่สามารถทำความเสียหายได้ เช่น การเตรียมดินการปลูกที่ดีจะช่วยป้องกันการเกิดโรครากเน่า – โคนเน่าได้ โดยการใช้โดโลไมท์โรยในแปลงระหว่างการเตรียมแปลงใช้ปุ๋ยคอก - ปุ๋ยหมักเพื่อปรับสภาพดินให้ร่วนซุยเพื่อให้รากทำงานได้ดีขึ้น ไม่ควรปลูกพืชตระกูลแตงซ้ำที่แปลงปลูกฟักทอง หรือปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อปรับสภาพดินสลับการปลูกฟักทองหรือพืชตระกูลแตง การเกิดโรคทางใบได้แก่ โรคราน้ำค้าง ที่มักระบาดในช่วงฤดูฝน หรือการให้น้ำแบบพ่นฝอย วิธีแก้ไขโดยการตัดต้นที่เป็นโรคเผาทำลายไม่ให้น้ำแบบพ่นฝอยใช้สารป้องกันโรคพืช เช่น แอนทราโคล ปริมาณ 40 กรัม / น้ำ 20 ลิตร โรคราแป้ง มักระบาดรุนแรง เมื่อสภาพอากาศเย็น ใบพืชแห้งในเวลากลางคืน นอกจากนี้แมลงศัตรูฟักทอง นั้นมีไม่มากนักเพราะใบและก้านที่มีขนช่วยในการป้องกันภัยจากแมลงได้ดี

แมลงศัตรูฟักทอง : ได้แก่ ด้วงเต่าแตง แมลงปากดูด และแมลงหวี่ขาว หากไม่มีการระบาดรุนแรงใช้สารเคมีที่สามารถควบคุมแมลงได้หลายชนิด เช่น เซฟวิน-85 ปริมาณ 20 -30 กรัม /น้ำ 20 ลิตร(ไม่ควรใช้อัตราสูงกว่านี้อาจจะทำให้ใบไหม้) ฉีดพ่นทุก 5 – 7 วัน ส่วนเพลี้ยไฟ เป็นแมลงขนาดเล็กมากระบาดในฤดูแล้ง ตัวอ่อนจะมีสีแสด ตัวแก่จะมีสีดำ ตัวเล็กขนาดเท่าปลายเข็ม มันจะดูดน้ำเลี้ยงที่ยอดอ่อนและใต้ใบอ่อน ทำให้ยอดหดสั้นปล้องถี่ยอดชูตั้งขึ้นหรือเรียกว่าโรคยอดตั้ง ถ้าปริมาณน้อยหากให้น้ำถั่วถึง หรือมีฝนตกมากเพลี้ยไฟมันจะหายไป หากระบาดฉีดป้องกันโดยใช้ยา ไฟท์ซ๊อต หรือ แบนโจฉีดพ่นทุก 5 – 7 วัน โดยควรฉีดพ่นก่อนการเก็บเกี่ยว 15 วัน การเข้าทำลายผลผลิตช่วงใกล้เก็บเกี่ยวของหนูนา โดยเกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงหากพบการระบาดควรหาวิธีป้องกันและแก้ไขทันที

การตัดแต่งและไว้ตำแหน่งผลของฟักทอง : การตัดแต่งจะทำหลังจากย้ายต้นกล้าฟักทองลงปลูกในแปลง 10 - 15 วัน เมื่อถึงระยะมีใบที่ 5 ให้เด็ดยอดทิ้งหลังจากนั้นภายใน 2 อาทิตย์ จะมีเถาแขนงแตกออกจากมุมใบ 3 – 4 เถา ให้ติดผลแขนงเถาที่ 5 ถึง 7 จำนวน 4 – 5 ผล ให้ติผลในข้อที่มากกว่า เมื่อผลมีขนาดเท่ากับลูกมะนาว ให้คัดเลือกผลที่สมบูรณ์เหลือเพียง 3 – 4 ผลต่อต้น หลังจากนั้นให้ทำการห่อผลเพื่อป้องกันแมลงวันทอง ปล่อยให้แขนงแตกโดยธรรมชาติและทำการปลิดผลออกในส่วนปลายเถาออกทิ้งเป็นระยะๆในการตัดแต่งควรจะทำในช่วงเวลาเช้าเพื่อให้บาดแผลแห้งภายในวันนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าทำลายโดยเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่พืชทางบาดแผล และอาจพ่นสารเคมีป้องกันโรคพืชตามความเหมาะสม นอกจากนี้วันที่ตัดแต่งถ้าเป็นไปได้เป็นวันที่แสงแดดตลอดวันจะยิ่งดี
การเก็บเกี่ยวผลผลิตฟักทอง : หลังจากที่มีการย้ายต้นกล้าฟักทองลงปลูกในแปลงนาน 80 – 100 วันหรือหลังจากดอกบาน 40 – 60 วัน ผลฟักทองจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจัดและมีนวลสีขาวที่ผล เถาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม การผลิตฟักทองสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตแบบผลอ่อนหรือผลแก่ตามความต้องการของตลาด ทำการเก็บเกี่ยว 2 – 3 ครั้ง ช่วงระยะของการเก็บเกี่ยว 15 – 20 วัน ผลผลิตฟักทองเฉลี่ย 3 – 6 ตันต่อไร่

----------------------- ^ ^ ------------------------
ที่มา :
ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร.การผลิตฟักทองแบบปลอดภัย วารสารเส้นทางกสิกรรม ฉบับที่ 163 เดือนมีนาคม.2552.พิจิตร

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ซุปเปอร์จิ้งหรีด : เชื่อหนู...กินแมลงให้โปรตีนมากกว่าเนื้อวัว



 
เชื่อหนู...กินแมลงให้โปรตีนมากกว่าเนื้อวัว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2556

 

นับเป็นเรื่อง “เซอร์ไพร์ส” ไม่น้อยสำหรับ “แพท” สาวน้อยจากโรงเรียนอินเตอร์ เมื่อยูเอ็นสนับสนุนให้ประชากรโลกหันมากินแมลงกันมากขึ้นเพื่อบรรเทาความอดอยาก เพราะเธอเองก็ใช้เวลาถึง 2 ปี เพื่อศึกษาข้อมูลโภชนาการของแหล่งอาหารตามธรรมชาติเหล่านั้น และได้ข้อสรุปออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
    
แพท หรือ พริมา ยนตรรักษ์ สาวน้อยวัย 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ เป็นเด็กเรียนดีอันดับ 1 ของชั้นเรียนมาตลอด แต่ด้วยคำสอนของครูที่บอกว่า เรียนเก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องรู้จักแบ่งปันและช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าด้วย จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอทำกิจกรรมเพื่อสังคม เริ่มจากภายในโรงเรียน แล้วขยายสู่โรงเรียนยากจนในต่างจังหวัด
    
เมื่อปี 2553 แพทได้ตั้งกลุ่ม The Lion Heart Society เพื่อร่วมทำกิจกรรมช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสร่วมกับเพื่อนในโรงเรียนและอาสาสมัคร กระทั่งเธอมีโอกาสได้ไปทำกิจกรรมช่วยเหลือเด็กนักเรียนในโรงเรียนบ้านซับใต้ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา แล้วตั้งข้อสังเกตว่าเด็กนักเรียนเหล่านั้นดูยากจนข้นแค้นและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล แต่ทำไมเด็กทุกคนยังดูสุขภาพดี เมื่อลองชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
    
“พวกเขากินอะไร?” เป็นคำถามที่แพทสัมภาษณ์เด็กนักเรียน คุณครูและผู้ปกครอง ซึ่งก็ได้คำตอบชวนอึ้งว่า เด็กๆ กินแมลง และสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่หาได้ตามท้องถิ่น เช่น ตั๊กแตน จั่กจั่น กิ้งก่า อึ่งอาง และกบ เป็นต้น จึงชวนให้เธอสงสัยต่อว่าสัตว์เหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการมากน้อยแค่ไหน และกลายเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์เชิงสำรวจในหัวข้อ “The Poor Land of Plenty: Edible Insects and Other Natural Sources of Nutrients” ที่เธอตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อหาคำตอบให้แก่ตัวเอง

มีแมลงและสัตว์ชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นแหล่งสารอาหารตามธรรมชาติที่แพทศึกษากว่า 20 ชนิด เช่น มดแดง จั่กจั่น ตั๊กแตนปาทังกา ตั๊กแตนโลคอสตา อึ่งอ่าง กบ งูสิง แมลงกระชอน แมลงเม่า หอยขม ปูนา สาหร่ายเทา เป็นต้น โดยศึกษาข้อมูลตั้งแต่ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ ลักษณะและพฤติกรรม วงจรชีวิตและขยายพันธุ์ คุณค่าทางโภชนาการ ไปจนถึงการเพาะเลี้ยง
    
       เริ่มต้นแพทค้นอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลต่างๆ เหล่านั้น แต่ข้อมูลส่วนที่หายากมากที่สุดคือคุณค่าทางโภชนาการของแมลงและแหล่งอาหารตามธรรมชาติดังกล่าว จึงต้องส่งตัวอย่างสัตว์ไปวิเคราะห์ที่คณะโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้รับการสนับสนุนจากพ่อและแม่ในการออกค่าใช้จ่ายสำหรับวิเคราะห์ตัวอย่าง ซึ่งตัวอย่างที่วิเคราะห์นั้นก็ได้จากชาวบ้านใน จ.นครราชสีมา ที่เธอลงพื้นที่ทำกิจกรรมอาสานั่นเอง
    
       ข้อมูลที่ทำให้แพทรู้สึกประหลาดใจและประทับใจคือข้อมูลของ “จั่กจั่น” เพราะเป็นแมลงดึกดำบรรพ์มีอยู่บนโลกมาแล้ว 200 ล้านปี และยังมีวงจรชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน โดยอาศัยอยู่ใต้ดินตั้งแต่เป็นตัวอ่อน 2-17 ปีแล้วแต่ชนิด และโผล่ขึ้นมาบนดินเพียง 2-3 เดือนในช่วงผสมพันธุ์ก่อนที่จะตายไป นอกจากนี้เมื่อวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการแล้ว พบว่ามีโปรตีนมากกว่าเนื้อหมู เนื้อไก่และเนื้อวัว ส่วนแมลงและสัตว์ตามแหล่งธรรมชาติที่เธอเคยกิน คือ ไข่มดแดง จั่กจั่น จิ้งหรีด และงูสิง ซึ่งเธอชอบไข่มดแดงมากที่สุด
    
       “คนที่บ้านเขาเห็นเราศึกษาเรื่องนี้อยู่ เลยเอาผัดเผ็ดงูสิงมาให้ลองทาน ก็ลองทานดู อร่อยดี” แพทเล่า แต่เธอบอกว่าสัตว์ที่เธอไม่กินเลยคือกิ้งก่าและลูกอ๊อด เพราะไม่ค่อยชอบสัตว์เลื้อยคลาน
    
       การศึกษาคุณค่าโภชนาการเกี่ยวกับแมลงและแหล่งสารอาหารตามธรรมชาติของแพทใช้อยู่ 2 ปี ซึ่งอุปสรรคอย่างหนึ่งคือแมลงบางชนิดไม่สามารถหาได้ตลอดทั้งปี เช่น แมลงเม่า และ จั่กจั่น เป็นต้น ที่ต้องรอช่วงเวลาเฉพาะ แต่ระหว่างรอตัวอย่างมาศึกษาเธอก็ใช้เวลากับการเล่นกีฬาและดนตรี ควบคู่ไปกับการเรียน
    
       ผลการศึกษาที่ได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ http:www.poorlandofplenty.com กระทั่ง คิม จงสถิตย์วัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ได้อ่านผลการศึกษาของแพท จึงแนะนำว่าน่าตีพิมพ์เป็นหนังสือเพื่อเผยแพร่ความรู้ได้กว้างขึ้น จากรายงานภาษาอังกฤษที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือ จึงถูกแปลงเป็นข้อมูลและภาษาง่ายๆ พร้อมภาพและการ์ตูนประกอบ ในชื่อหนังสือ “แมลงกินได้ และแหล่งสารอาหารตามธรรมชาติ” ฉบับภาษาไทย และ “The Poor Land of Plenty: Edible Insects and Other Natural Sources of Nutrients” ฉบับภาษาอังกฤษ
    
       แพทบอกว่าไม่ต้องการขายหนังสือเอากำไร แต่อยากให้ผู้มีกำลังทรัพย์ช่วยสนับสนุนการบริจาคหนังสือดังกล่าวแก่โรงเรียนตามชนบทที่ห่างไกล เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่เป็นประโยชน์ และเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนคนอื่นๆ ได้หันมาศึกษาค้นคว้าข้อมูล เพื่อสร้างความรู้แก่ตัวเอง และอาจมีโอกาสได้เผยแพร่เช่นเดียวกับเธอ และตอนนี้รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ของเธอได้เข้าไปอยู่ในสำนักงานสหประชาชาติ ประจำประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    
       นอกจากเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม เป็นนักกีฬาโรงเรียน และชอบทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือคนอื่นแล้ว แพทยังได้รับรางวัล “เยาวชนดีเด่นและทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ” ประจำปี 2556 ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนนานาชาติคนเดียวที่ได้รางวัลนี้ อนาคตเธออยากเรียนต่อทางด้านชีววิทยาในมหาวิทยาลัยกลุ่มไอวีลีก (Ivy League) ที่สหรัฐฯ และนำความรู้กลับมาเผยแพร่และสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนต่อไป
ยำไข่มดแดง

จิ้งหรีดทอด

แมลงเม่าทอด

ตั๊กแตนทอด


กิ้งก่า อีกหนึ่งแหล่งโปรตีน และสารอาหารตามธรรมชาติ
สนใจข้อมูลอ่านเพิ่มเติม เว็บไซต์ http:www.poorlandofplenty.com
    
       ทั้งนี้เมื่อกลางเดือน พ.ค.56 ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้เรียกร้องให้ผู้คนทั่วโลกหันมาบริโภคแมลงให้มากขึ้น เพราะเป็นแหล่งอาหารไขมันต่ำ แต่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูง เหมาะสมแก่การนำมาบริโภค อีกทั้งเป็นทางเลือกใหม่เพื่อบรรเทาความอดอยากหิวโหยที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ขายจิ้งหรีด อย่างไรให้ได้ราคาดี


สินค้าอะไรที่ราคาสูง ก็มี วันที่ราคาจะลดลง

 ดังนั้น เราควรทำให้สินค้าของเราให้มีคุณภาพดีที่สุด เพื่อจะขายได้ราคาดี และเป็นที่ต้องการของตลาด

ขายจิ้งหรีด เน้น ขายปลีก จะขายได้ราคาดีที่สุด 





ซุปเปอร์จิ้งหรีด : จิ้งหรีดทอดพริกอร่อยสุด ๆ




จิ้งหรีดทอด พริกเผ็ดสุด ๆ อร่อย  โดย  ซุปเปอร์จิ้งหรีด

Peppers with fried crickets
มีหลากหลายรส ติดต่อสอบถาม รายละเอียดตามเบอร์โทรด้านล่าง

ท่านใดสนใจรับสินค้าไปเพื่อจำหน่าย

Call Center  086-355-2228 








วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เปิดชมฟาร์มจิ้งหรีดฟรี ช่วงวันที่ 11-12 พฤษภาคม 2557 ใครสนใจธุรกิจเงินแสนด้วยจิ้งหรีด

เปิดชมฟาร์มจิ้งหรีดฟรี ที่นครสวรรค์ สนใจธุรกิจฟาร์มจิ้งหรีด

สำหรับผู้ที่เดินทางไปทางภาคเหนือ ถนนสายเอเชีย แยกจากตลาดหนองเบน

ตรงไปอำเภอลาดยาว เขตอำเภอเมืองนครสวรรค์ ห่างจากตลาดหนองเบนเพียง 1.5 กิโลเมตร

และห่างจากอำภอเมืองนครสวรรค์เพียง 16 กิโลเมตร

 ช่วงวันสงกรานต์ 11-12 พฤษภาคม 2557 โทรสอบถามพร้อมนัดเวลาเข้าชมฟาร์มฟรี
ใครสนใจธุรกิจเงินแสนด้วยจิ้งหรีด

ขอเชิญผู้ที่สนใจต้องการมีรายได้นับหมื่น นับแสน  ลงทุนแบบไม่รู้จบ มีรายได้ตลอดชีพ

สนใจสอบถามรายละเอียด โทร 086-355-2228   Line ID :  blueblackip

ซื้อไข่จิ้งหรีดจากทางสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม สอนการเลี้ยงทุกขั้นตอน

โทรสอบถามได้ ตั้งแต่เริ่มเลี้ยงจากไข่ ถึง การต้มเพื่อส่งให้ผู้รับซื้อจิ้งหรีด 

ไม่ต้องหาตลาดที่ไหน เพียงซื้อไข่จิ้งหรีดจากฟาร์มเรา

ขายเราพร้อมรับซื้อคืนประกันราคา ผู้ที่ซื้อไข่จากทางฟาร์มเรา
  

ลงทุนไว ได้เงินไว อาชีพยั่งยืน เพียงคุณลงมือทำเท่านั้น 


วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ด่วนที่สุด สนใจเป็นตัวจำหน่ายไข่จิ้งหรีด จิ้งหรีด และอาหารจิ้งหรีด ของ ซุปเปอร์จิ้งหรีด

สนใจเป็นตัวจำหน่ายไข่จิ้งหรีด จิ้งหรีด และอาหารจิ้งหรีด ของ ซุปเปอร์จิ้งหรีด 

ลงทุนน้อย ทอดขายเองกำไรงาม สอนการทอดฟรี 

ไข่จิ้งหรีดคุณภาพดี และตัวจิ้งหรีดเลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติเป็นหลัก

สอบถามรายละเอียดโทร 086-355-2228 

ตัวแทนจำหน่าย จังหวัดละ  1 - 2 สิทธิ์ เท่านั้น



We are selling cricket in abroad (Update 10 May 2014)








名前はSomjainukクリケットファームによるスーパークリケットの男です。

私たちは、クリケットの繁殖小売価格クリケットやコオロギや自由市場、タイおよび海外での卸売価格やカウンセリングのサプライヤーです。

Contact US
Thailand
Nakhon Sawan Province
Call center +66863552228
Website http://somjainukcricket.blogspot.com/

----------------------------------------------------------------------------------------------

Name ist super Cricket Cricket Mann Somjainuk Bauernhof.

Wir sind Anbieter von Cricket Cricket-Zucht in den Verkaufspreis und den Großhandelspreis und Beratung in Grillen und freie Märkte in Thailand und im Ausland.

Contact US
Thailand
Nakhon Sawan Province
Call center +66863552228
Website http://somjainukcricket.blogspot.com/

----------------------------------------------------------------------------------------------

名字是超級板球男人Somjainuk板球農場。

我們是供應商的蟋蟀繁殖蟋蟀的零售價格和批發價格和輔導蟋蟀和自由市場在泰國和國外。

Contact US
Thailand
Nakhon Sawan Province
Call center +66863552228
Website http://somjainukcricket.blogspot.com/

----------------------------------------------------------------------------------------------

Tên là siêu dế người đàn ông Somjainuk Cricket trang trại.

Chúng tôi là nhà cung cấp dế giống dế trong giá bán lẻ và giá bán buôn và tư vấn trong dế và thị trường tự do ở Thái Lan và ở nước ngoài.

Contact US
Thailand
Nakhon Sawan Province
Call center +66863552228
Website http://somjainukcricket.blogspot.com/

----------------------------------------------------------------------------------------------

ຊື່ແມ່ນຜູ້ຊາຍ cricket Super ກະສິກໍາ Cricket Somjainuk.

ພວກເຮົາມີຄວາມຜູ້ສະຫນອງຂອງ cricket cricket ການປັບປຸງພັນໃນລາຄາຂາຍຍ່ອຍແລະລາຄາຂາຍສົ່ງແລະໃຫ້ຄໍາປຶກສາໃນ cricket ແລະຕະຫຼາດຢູ່ໃນປະເທດໄທແລະຕ່າງປະເທດ.

Contact US
Thailand
Nakhon Sawan Province
Call center +66863552228
Website http://somjainukcricket.blogspot.com/
----------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเรา คือ super cricket man โดย Somjainuk Cricket farm

พวกเรา คือ ผู้จำหน่าย จิ้งหรีด พันธุ์จิ้งหรีด ใน ราคา ปลีก และ ราคาส่ง พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำใน เลี้ยงจิ้งหรีด และ การตลาดฟรี ในไทย และ ต่างประเทศ

Contact US
Thailand
Nakhon Sawan Province
Call center +66863552228
Website http://somjainukcricket.blogspot.com/


วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ซุปเปอร์จิ้งหรีด : พจนานุกรมคำว่า จิ้งหรีด

พจนานุกรม

 คำว่า จิ้งหรีด

แมลงจำพวกหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Gryllidae ซึ่งมีขาคู่หลังใหญ่ ไว้สำหรับกระโดด และตัวผู้มีอวัยวะพิเศษ

สำหรับกรีดเสียง



วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ซุปเปอร์จิ้งหรีด : การเก็บไข่จิ้งหรีดและการฟักไข่จิ้งหรีด

การเก็บไข่จิ้งหรีดและการฟักไข่จิ้งหรีด

การเก็บไข่จิ้งหรีด ใช้ ทราย หรือ ขี้เถ้าแกลบ วางเพื่อให้ จิ้งหรีดวางไข่



การฟักไข่จิ้งหรีดเป็นตัวอ่อน

นำไปวางไว้ในสถานที่เลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อให้จิ้งหรีดทำการวางไข่ระยะเวลาที่วาง 1-2 คืนแล้วนำออกมาเก็บให้ปลอดจากมด แมลง ระยะเวลาโดยอุณหภูมิปกติคือ 30 องศา ขึ้นไปนั้นไข่จิ้งหรีดจะใช้เวลา 10-15 วันก็จะออกเป็นตัวอ่อน แต่กรณีอากาศเย็นก็จะใช้ระยะเวลานานขึ้นอีก ประมาณ 20 วัน หรือ หากเกินจากนี้ ไข่จิ้งหรีด อาจไม่ฟัก... 


ซุปเปอร์จิ้งหรีด พารวย
จำหน่ายจิ้งหรีดและไข่จิ้งหรีด ราคาปลีก-ส่ง รับซื้อจิ้งหรีดและไข่จิ้งหรีด พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำทั้งในเรื่องการเลี้ยง และการตลาด ฟรี!!! เว็บไซต์ http://somjainukcricket.blogspot.com หรือ https://plus.google.com/app/basic/113649183269090531287
เงินลงทุนน้อย นับเงินหมื่นเงินแสนเงินล้าน ลงทุน45วัน นับเงินแล้ว รายได้เสริม ไม่รบกวนงานประจำ สนใจติดต่อ โทร. 0863552228 หรือ เข้าชมได้ที่เว็บไซต์ 

#ไข่จิ้งหรีดคุณภาพดีออกดี
#ไข่จิ้งหรีดออกแน่นอน
#ไข่จิ้งหรีดหนองเบน
#ไข่จิ้งหรีดทางไปกำแพงเพชร
#ไข่จิ้งหรีดนครสวรรค์
#ไข่จิ้งหรีดอำเภอเมืองนครสวรรค์
#ไข่จิ้งหรีดทางไปบรรพตพิสัย
#ไข่จิ้งหรีดทางไปลาดยาว
#ไข่จิ้งหรีดสด
#ไข่จิ้งหรีดซื้อมากราคาถูก
#ไข่จิ้งหรีดซื้อมากแถมมาก
#ไข่จิ้งหรีดซื้อเยอะแถมเยอะ
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงเพราะเราแถม
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพง
#ขายไข่จิ้งหรีดราคาถูกเพราะเราแถม
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงได้ที่ซุปเปอร์จิ้งหรีด
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาไม่แพงได้ที่สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาถูกได้ที่ซุปเปอร์จิ้งหรีด
#ซื้อไข่จิ้งหรีดราคาถูกได้ที่สมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#รับซื้อไข่จิ้งหรีดจำนวนมาก
#รับซื้อไข่จิ้งหรีดจำนวนเยอะ
#รับซื้อจิ้งหรีดจำนวนเยอะ
#รับซื้อจิ้งหรีดจำนวนมาก
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีด
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดอ.เมืองนครสวรรค์
#ศูนย์กลางตลาดค้าส่งจิ้งหรีดภาคเหนือ
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีด
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดอ.เมืองนครสวรรค์
#ตลาดค้าส่งจิ้งหรีดนครสวรรค์
#อยากขายจิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากขายไข่จิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากขายจิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากขายไข่จิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากซื้อจิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากซื้อไข่จิ้งหรีดโทรหาซุปเปอร์จิ้งหรีด
#อยากซื้อจิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม
#อยากซื้อไข่จิ้งหรีดโทรหาสมใจนึกจิ้งหรีดฟาร์ม